วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โกลเบล็กฯชี้ราคาทองผันผวน เล็งกรอบ 1,335-1,380 ดอลล์/ออนซ์

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำประจำสัปดาห์ (29 พ.ย.53-3 ธ.ค.53) ว่า GBX ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเน้นขายทำกำไรที่แนวต้าน เพื่อรอสะสมใหม่เมื่อราคาย่อตัวลงมาอีกครั้ง โดยคาดการณ์กรอบการลงทุนที่ 1,335-1,380 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,150-19,800 บาท/บาททอง จากจากปัจจัยเรื่องแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเชิงเข้มงวดของธนาคารกลางจีนที่ยังไม่มีความชัดเจนยังคงกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.25% ดังนั้น การปรับขึ้นของราคาทองคำจึงจำเป็นต้องถูกสกัดด้วยแรงเทขายกลับลงมาเป็นระยะ เนื่องจากเมื่อมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมจะปรับตัวลดลงรับข่าวอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ให้จับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน พ.ย. 53 ทั้งในส่วนของภาคเอกชน (1 ธ.ค.) และภาครัฐ (3 ธ.ค.) ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดีขึ้นต่อเนื่อง จากช่วง High Season ของภาคค้าปลีกและภาคการผลิต รวมถึงเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการมั่นใจกับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของเฟด ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวออกมาดีจริง อาจได้เห็นการทรุดตัวลงของราคาทองคำอีกระลอก

อย่างไรก็ตาม อาจมองได้ว่าความกังวลในปัญหาวิกฤติหนี้สินแถบยุโรป และความตรึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีน่าจะเปิดโอกาสให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองด้วยคุณสมบัติแหล่งพักเงินชั้นดี (Safe Haven) แต่ด้วยความที่ทั้ง 2 ประเด็นยังไม่มีความชัดเจน ประกอบกับ การแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ Dollar Index ซึ่งได้แรงหนุนจากทั้งเงินสกุลยูโรที่อ่อนค่าลงและพัฒนาการที่ดีขึ้นในการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาจทำให้ความน่าสนใจดังกล่าวถูกบั่นทอนลง

“Dollar Index มักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับราคาทองคำ หรือหากมองอีกแง่หนึ่ง Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จะช่วยกระตุ้นให้เกิดธุรกรรม Reverse Dollar Carry Trade โดยการขายสินทรัพย์ลงทุนต่างๆเพื่อไปซื้อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯไว้เตรียมส่งมอบคืน ทองคำที่ได้รับความน่าสนใจในการทำธุรกรรม Dollar Carry Trade ในช่วงก่อนหน้าเป็นอย่างมาก จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าวได้”


http://www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น: