วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชาอู่หลงช่วยลดพุงได้

การดื่มชาอู่หลง มีประสิทธิภาพในการป้องกันและบำบัดภาวะอ้วนลงพุง หรือ Metabolic syndrome ได้ 

การศึกษาของ Rong-rong H และคณะ พบว่าการบริโภคชาเขียววันละ 8 กรัม ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 1 กิโลกรัม ไขมันที่สะสมในร่างกายก็ลดลง 12% และมีความสัมพันธ์กับเส้นรอบวงเอวที่ลดลงด้วย 

การศึกษาของ Junichi N และคณะ พบว่าการดื่มชาอู่หลงติดต่อกันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ จะช่วยทำให้ไขมันในช่องท้องลดลง โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ 

การศึกษาของ Maekawa T และคณะ พบว่า การดื่มชาอู่หลงสามารถทำให้น้ำหนักตัว ดัชนีมวลกาย มวลไขมันรวมในร่างกาย ไขมันในช่องท้อง เส้นรอบวงเอว เส้นรอบวงสะโพก และความหนาของชั้นไขมันใต้ผิวหนังลดลงอย่างปลอดภัย 

การศึกษาของ Nakamura J และคณะ พบว่าการดื่มชาอู่หลงสามารถช่วยลดไขมันสะสมในช่องท้องและขนาดรอบวงเอว 

กรรมวิธีการผลิตชาอู่หลงที่ผ่านกระบวนการกึ่งหมักนั้น จึงทำให้เกิดสารสำคัญที่เรียกว่า Oolong Tea polymerized-polyphenols หรือ OTPPs ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอล มีความสำคัญต่อการลดและควบคุมปริมาณของไขมันในร่างก่าย โดยพบว่าสารในกลุ่มนี้สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไลเปสซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการดูดซึมไขมันที่ลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นกลไกเดียวกันกับยาลดความอ้วนบางชนิดในปัจจุบัน

แต่ไม่แนะนำให้ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนด้วยการดื่มชาอู่หลงเพียงอย่างเดียว ควรต้องใช้วิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การออกกำลังกายอย่างเสมอ ควบคุมอาหาร มีอารมณ์แจ่มใสเบิกบาน ไม่เครียด เป็นต้น 

หากต้องการจะดื่มชาอู่หลงให้ได้ประโยชน์ดีควรซื้อแบบที่เป็น “ใบชาอู่หลง” มาชงดื่มเองเพราะชาอู่หลงแบบสำเร็จนั้นบางยี่ห้อมีการเติมน้ำตาลลงไปทำให้การลดน้ำหนักหรือลดไขมันเป็นไปได้ยากขึ้น

ตัดเนื้อความมาจาก ประโยชน์ของชาอู่หลง รายละเอียดอื่น ๆ คลิ๊กอ่านต่อที่ลิ้งค์เลยครับ

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ จะมี 2 ชนิดคือ เหรียญกษาปณ์เงินชนิดราคา 600 บาท ประเภทขัดเงา จำหน่ายราคาเหรียญละ 1,200 บาท จำนวนไม่เกิน 5,000 เหรียญ ประเภทธรรมดา ผลิตไม่เกิน 10,000 เหรียญ จ่ายแลกราคาเหรียญละ 600 บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะ 2 สี (สีขาวและสีทอง) ชนิดราคา 10 บาท ประเภทธรรมดา ผลิตไม่เกิน 3 ล้านเหรียญ ซึ่งลวดลาย ด้านหน้าและด้านหลังจะเหมือนกันทุกเหรียญยกเว้นข้อความบอกราคา โดยลวดลายด้านหน้า ตรงกลางเหรียญมีพระรูปพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ” เบื้องล่างประดับด้วยลายไทย ส่วนด้านหลัง ตรงกลางเหรียญมีข้อความว่า “พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๘” ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า “ประเทศไทย” เบื้องหลังมีข้อความบอกราคาตามชนิดของเหรียญ และริมขอบเหรียญโดยรอบประดับด้วยลายไทยประดิษฐ์ 



ผมมีแค่1เหรียญเอง ด้านหลังหาภาพจากอินเทอร์เน็ตเองนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24



 
              FISU หรือสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก ย่อมาจาก Federation Internationale dy Sport  Universitaire (International University Sports Federation) ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 138 ประเทศ จาก 5 ทวีปทั่วโลก มีประวัติความเป็นมาจาการแข่งขัน World Student Game ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1923 (พ.ศ. 2466) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยJean Detitean ผู้สนใจในกิจกรรมและการกีฬามหาวิทยาลัย ภายหลังได้จัดตั้งเป็น International Confederation of Students (I.C.S.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ที่เป็นนักกีฬาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ด้วยจิตวิญญาณและพลังที่รักในการกีฬาอันเป็นทางในการพัฒนาตนเองเพื่อบรรลุสู่ความเป็นเลิศในทางการกีฬาและเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกันในกลุ่มกีฬามหาวิทยาลัยทั่วโลก
                แต่แล้ว World Student Game ก็ต้องหยุดชะงักลงในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 หลังจากสงครามสงบลงฝรั่งเศสได้ฟื้น World University Game โดยจัดให้มีการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งมีเพียงมหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศตะวันตกไม่กี่ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันเหตุเนื่องจาก “ภาวะสงคราเย็น”
                ในปี ค.ศ. 1949 จึงได้มีการก่อตั้งสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก (Federation Internationale dy Sport Universitaire) มีชื่อย่อว่า FISU ขึ้นดังที่กล่าวข้างต้น FISU จัดให้มีการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อนและฤดูหนาวในทุก ๆ 2 ปี สำหรับในปีที่ว่างเว้น ได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาชิงชนะเลิศ กีฬามหาวิทยาลัยโลก(World University Championships) ซึ่งจะต้องเป็นกีฬาที่ไม่รวมอยู่ในรายการการแข่งขันของกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1949  มีทั้งมหาวิทยาลัยในกลุ่มโลกตะวันตกและตะวันออก เข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างเสมอภาคด้วย
                ค.ศ.1959 ได้มีการแข่งขันมหาวิทยาลัยโลก ในชื่อของ Universiade ขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมือง Turin ประเทศอิตาลี นับจากนั้นได้มีการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 ปี ครั้งสุดท้ายได้มีการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อนครั้งที่ 23  ค.ศ. 2005 ที่เมือง LZMIR ประเทศตุรกี ส่วนการแข่งขันในฤดูหนาว จัดขึ้นที่เมือง Innsbruck/Seefeld ประเทศออสเตรีย สำหรับในปี ค.ศ.2007 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2550 นี้ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ 24  จากคณะกรรมการบริหารสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน (FISU: International University Spots Federation) ระหว่างวันที่ 8-18 สิงหาคม 2550 มีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 170 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.       เพื่อพัฒนาการกีฬาในระดับอุดมศึกษาของชาติให้เจริญก้าวหน้าตอบสนองต่อแผนพัฒนาของชาติทั้งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ ตลอดจนส่งเสริมและปลูกฝังค่านิยมที่ดีต่อการกีฬา
2.       เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้านการกีฬาและนิสิตนักศึกษาไทย กับบุคลากรด้านการกีฬาและนิสิต นักศึกษาจากนานามหาวิทยาลัยทั่วโลก
3.       เพื่อพัฒนานิสิตนักศึกษา ตลอดจนบุคลากรด้านกีฬาของสถาบันอุดมศึกษาไทยให้ได้มาตรฐานสากล
4.       เพื่อสร้างเกียรติภูมิแก่ประเทศ และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่นักศึกษาและประชาชนชาวไทย
                สัญลักษณ์การแข่งขัน FISU เป็นรูปตัว U ที่มาจากคำว่า University และดาวทั้ง 5 ดวง แทนถึง 5 ทวีปเส้นสายทั้ง 5 สี ร้อยเรียงในรูปตัว U เปรียบได้ดังเส้นสายแห่งการถ่ายทอดประสบการณ์การแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรม ระหว่างตัวแทนและนักกีฬาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ใน 5 ทวีป ทั่วโลกทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพุ่งม้วนเข้าสู่สัญลักษณ์ลวดลายสีเหลืองทอง อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย เปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดีและความภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติให้เป็นศูนย์กลางแห่งการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม จึงเป็นที่มาของคำว่า “ALL BECOME ONE”
                และเนื่องในปี พ.ศ. 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเลือก  “กระต่าย”  อันเป็นนักษัตรปีพระราชสมภพ เป็นสัญลักษณ์นำโชคในการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนี้กระต่ายยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความว่องไง เฉลียวฉลาด อ่อนโยน พร้อมในการต้อนรับนักกีฬาทุกชาติด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพ ทั้งรูปร่างหน้าตา สีสันและกิริยาท่าทางออกแบบแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนอันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยที่มีสืบต่อกันมายาวนาน
                ในโอกาสที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ฯ ครั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24  ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ได้ขอความร่วมมือให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกมหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 และเผยแผ่พระเกียรติคุณไปยังนานาประเทศทั่วโลก จัดทำเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ชนิดราคา 10 บาท ประเภทธรรมดา จำนวนผลิตไม่เกิน 5,000,000 เหรียญ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ลักษณะ                 เป็นเหรียญกษาปณ์กลม วงขอบนอกมีเฟืองจักรสลับเรียบ
ลวดลาย                ด้านหน้า               กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายทรงฉลองพระองค์สากล ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า  “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เบื้องล่างมีข้อความว่า  “รัชกาลที่ ๙” โดยมีลายไทยคั่นระหว่างข้อความเบื้องบนกับเบื้องล่างทั้งสองข้าง
                                ด้านหลัง               กลางเหรียญมีรูปสัญลักษณ์การจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ ๒๔ ด้านขวาของรูปสัญลักษณ์มีข้อความบอกราคาว่า  “๑๐ บาท”  ด้านซ้ายมีข้อความบอกราคาว่า  “10 BAHT”  ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า “กีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ ๒๔”  เบื้องล่างมีข้อความว่า  “๘-๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๐ ประเทศไทย”
ส่วนผสม              โลหะสีขาว (วงนอก) มีส่วนผสมของ
                                ทองแดงร้อยละ    75
                                นิกเกิลร้อยละ       25
                                โลหะสีทอง (วงใน) มีส่วนผสมของ
                                 ทองแดงร้อยละ    92
                                 นิกเกิลร้อยละ       2
                                 อะลูมิเนียมร้อยละ     6
น้ำหนัก                   เหรียญละ    8.5 กรัม
ขนาด                      เส้นผ่าศูนย์กลาง  26  มิลลิเมตร
จำนวนการผลิต   ไม่เกิน   5,000,000 เหรียญ
ผู้เขียน                   - เดือนฉาย    เอกศาสตร์
ค้นคว้าจาก           -โครงการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกมหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24  ของกรมธนารักษ์


ผลิต ห้าล้านเหรียญ ผมมี 5 เหรียญนะครับ :)

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี ธนาคารไทยแห่งแรก

เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี ธนาคารไทยแห่งแรก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน
จัดทำขึ้น เพื่อ เป็นที่ระลึกและเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสถาปนาธนาคารไทยแห่งแรกของประเทศ (ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)) ซึ่งจะครบ 100 ปี ในวันที่ 30 มกราคม 2550 เป็นเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี(สีขาวและสีทอง)ชนิดราคา 10 บาท ประเภทธรรมดา จำนวนผลิตออกใช้ทั้งสิ้น 5,000,000 เหรียญ
รายละเอียด : ด้านหน้า – กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงผินพระพักตร์ทางเบื้องขวา ทั้งสองพระองค์ทรงฉลองพระองค์สากล ภายในวงขอบเหรียญด้านขวามีข้อความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์” ด้านซ้ายมีข้อความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” โดยมีจุดกลมคั่นระหว่างข้อความดังกล่าว ด้านหลัง – กลางเหรียญมีรูปครุฑพ่าห์ ใต้รูปครุฑพ่าห์มีแถบแพรจารึกข้อความว่า “ตั้งโดยพระบรมราชานุญาต” ใต้แถบแพรมีข้อความว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)” ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า “ครบ ๑๐๐ ปี ธนาคารไทยแห่งแรก” เบื้องล่างมีข้อความว่า “๓๐ มกราคม ๒๕๕๐ ประเทศไทย” ด้านขวามีเลขบอกราคาว่า “๑๐” ด้านซ้ายมีข้อความว่า “บาท”
เส้นผ่าศูนย์กลาง 26 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 8.5 กรัม
ลักษณะ เหรียญกลม วงขอบนอกมีเฟืองจักรสลับเรียบ
วันที่ประกาศใช้ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2549
ชนิดราคา 10 บาท
ส่วนผสม :
โลหะสีขาว (วงนอก) - นิเกิ้ล ร้อยละ 25 - ทองแดง ร้อยละ 75
โลหะสีทอง (วงใน) - ทองแดง ร้อยละ 92 - นิเกิ้ล ร้อยละ 2 - อลูมิเนียม ร้อยละ 6
ปีที่ผลิต : 2549
จำนวนผลิต : 5,000,000
ที่มา : กรมธนารักษ์


ผลิต5ล้านเหรียญอยู่ที่ผม3เหรียญนะครับ ไม่ธรรมดาจริง ๆ