วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้ออ้างของคนขี้เกียจ

คุณคิดว่าคนที่ตายไปแล้วไปไหนเหรอครับ

  • ไปสวรรค์ เหมือนที่ในละครน้ำเน่าใช้เป็นข้ออ้างหลอกเด็กน้อยที่พ่อแม่ตายตั้งแต่เด็ก ๆ
  • ไปนรก เหมือนหนังจีน จี้กง ที่พาคนทัวร์นรก สอนคนดูให้รู้จักกลัวบาป กลัวความทรมานต่าง ๆ ที่จะต้องเจอในนรกหากทำไม่ดี
  • เป็นวิญญาณหลอกหลอนผู้คน เหมือนในหนังผี ตามจัดการกับคนที่เคยทำร้ายตนตอนมีชีวิต หรือคอยช่วยคนเค้าที่รัก
  • ไปเกิดใหม่ เหมือนละคร ทวิภพ เกิดมาใหม่แล้วก็ยังอุตส่าห์ย้อนกลับไปชาติที่แล้ว ไปรักกับคนในอดีตได้
คนไทยเชื่อว่าถ้าเราใส่บาตรด้วยของกินที่คนที่ตายไปแล้วชอบ คนที่ตายไปแล้วก็จะได้รับและได้กินของนั้น

คนไทยเชื้อสายจีนนั้นเชื่อว่าตั้งโต๊ะด้วยของกินต่าง ๆ แล้วจุดธูปไหว้ ขออนุญาตเทพที่ปกป้องบ้าน ให้ผีบรรพบุรุษ เข้ามากินของที่ตั้งไหว้นั้น

ส่วนตัวผมคิดเอาเองว่าความจริงแล้วคนที่เรารักที่จากไปนั้น ไม่ได้ไปไหนเลย ก็อยู่ในใจเรานั้นแหละ ผมเคยบอกคนที่เสียใจมาก ๆ ที่ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตว่า การที่เราเชื่อฟังและทำตามสิ่งที่ท่านเคยสอนนั่นคือการกตัญญูแล้ว ตอนที่คุณพ่อผมจากไปผมนึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พ่อสอน ที่ท่านเคยดุด่าเรา บางทีสิ่งที่เราพูด ท่าทางที่เราแสดงออก ก็คล้ายกับพ่อของเรา มันก็คือเราคิดถึงท่าน ระลึกถึงท่าน แม้ว่าเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วแต่ก็มีบางเรื่องที่เราเคยพลาดทำไม่ดีไว้กับท่านเราก็เสียใจไปตลอดชีวิต สรุปก็คือท่านอยู่กับเรานั่นแหละ

การไหว้ หรือการใส่บาตร ความจริงแล้วก็คือกุศโลบาย ที่ทำให้คนไม่ลืมบุญคุณของบรรพบุรุษนั่นแหละ ผมถามว่า

  • คนที่ไม่เคยดูแลพ่อเลย พอพ่อเสียไปแล้ว มาไหว้แบบนี้จะมีประโยชน์อะไร
  • การที่พ่อเสียไปแล้วแต่แม่ยังอยู่การดูแลแม่ให้ดีเป็นการกตัญญูหรือไม่
  • แย่ที่สุดคือด่าพ่อตีพ่อ แล้วจัดงานศพแพง ๆ เชิญคนมีชื่อเสียงมาเป็นประธานพิธีศพ แปลว่ากตัญญูหรือเปล่า
ในเมื่อการไหว้ การใส่บาตรต้องการให้เราคิดถึงพ่อ แต่เราก็คิดตลอดอยู่แล้ว ตอนที่ท่านป่วย เราก็ดูแลดีที่สุดตามที่เรามีกำลังแล้ว ดังนั้นถ้าตอนนี้เราไม่สะดวกที่จะไหว้ เราไม่ต้องไหว้ได้ไม๊ นี่คือ เหตุผลของคนขี้เกียจ ที่ผมหมายถึง

ไม่มีความคิดเห็น: