นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาทองคำประจำสัปดาห์ (29 พ.ย.53-3 ธ.ค.53) ว่า GBX ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเน้นขายทำกำไรที่แนวต้าน เพื่อรอสะสมใหม่เมื่อราคาย่อตัวลงมาอีกครั้ง โดยคาดการณ์กรอบการลงทุนที่ 1,335-1,380 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อทรอยออนซ์ หรือ 19,150-19,800 บาท/บาททอง จากจากปัจจัยเรื่องแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเชิงเข้มงวดของธนาคารกลางจีนที่ยังไม่มีความชัดเจนยังคงกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เป็นไปได้สูงที่ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.25% ดังนั้น การปรับขึ้นของราคาทองคำจึงจำเป็นต้องถูกสกัดด้วยแรงเทขายกลับลงมาเป็นระยะ เนื่องจากเมื่อมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมจะปรับตัวลดลงรับข่าวอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ให้จับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน พ.ย. 53 ทั้งในส่วนของภาคเอกชน (1 ธ.ค.) และภาครัฐ (3 ธ.ค.) ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดีขึ้นต่อเนื่อง จากช่วง High Season ของภาคค้าปลีกและภาคการผลิต รวมถึงเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการมั่นใจกับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของเฟด ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวออกมาดีจริง อาจได้เห็นการทรุดตัวลงของราคาทองคำอีกระลอก
อย่างไรก็ตาม อาจมองได้ว่าความกังวลในปัญหาวิกฤติหนี้สินแถบยุโรป และความตรึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีน่าจะเปิดโอกาสให้ทองคำได้รับความน่าสนใจในการถือครองด้วยคุณสมบัติแหล่งพักเงินชั้นดี (Safe Haven) แต่ด้วยความที่ทั้ง 2 ประเด็นยังไม่มีความชัดเจน ประกอบกับ การแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของ Dollar Index ซึ่งได้แรงหนุนจากทั้งเงินสกุลยูโรที่อ่อนค่าลงและพัฒนาการที่ดีขึ้นในการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาจทำให้ความน่าสนใจดังกล่าวถูกบั่นทอนลง
“Dollar Index มักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับราคาทองคำ หรือหากมองอีกแง่หนึ่ง Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จะช่วยกระตุ้นให้เกิดธุรกรรม Reverse Dollar Carry Trade โดยการขายสินทรัพย์ลงทุนต่างๆเพื่อไปซื้อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯไว้เตรียมส่งมอบคืน ทองคำที่ได้รับความน่าสนใจในการทำธุรกรรม Dollar Carry Trade ในช่วงก่อนหน้าเป็นอย่างมาก จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าวได้”
http://www.matichon.co.th
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ทองคำยังพุ่งได้อีก
ที่มา : http://www.thaigold.info
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2010

การดีดตัวของทองคำถึง 24% ในปีนี้ กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่สามารถยับยั้งจอร์จ โซรอส จอห์น พอลสัน และพอล ทัวรัดจิ ได้ และเมื่อดูจากหนังสือที่แจ้งแก่คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของ สหรัฐในเดือนนี้ บริษัท โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์, พอลสันแอนด์ โค และทัวรัดจิ แคปิตอล แมเนจเมนต์ ลงทุนในทองคำมากที่สุด
จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก การถืออีทีเอฟทองคำ 2,088 ตัน มีขนาดเท่ากับปริมาณทองคำในเหมืองสหรัฐ 9 ปี และรายงานโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ประบุว่า โลหะมีค่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีหน้า การซื้อทองคำเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังเร่งคว้าสินทรัพย์หนัก เพราะรัฐบาลและธนาคารกลางอัดฉีดเงินมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินโลก
แบล็กร็อค อิงซ์ กล่าวว่า ทองคำที่กองทุนอีทีเอฟถืออยู่ มากกว่าทองคำแท่งที่ทุกประเทศสำรองอย่างเป็นทางการ ยกเว้นสหรัฐ เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส
ไมเคิล เพนโต นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส บริษัทยูโร แปซิฟิก แคปิตอล ที่เคยคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าทองจะพุ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา บอกว่า ใคร ที่ขายทองในตอนนี้กำลังทำผิดพลาดอย่างมหันต์ และว่าตลาดกระทิงของทองคำ จะสิ้นสุดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มเป็นบวก แต่ในตอนนี้ยังห่างไกลจากนั้นมาก และยัง เชื่อว่าเฟดจะต้องพิมพ์ธนบัตรเพิ่มอีกเพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ ให้สูงขึ้น และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ทองคำดีดตัวขึ้น 87% นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 เมื่อเฟดลดดอกเบี้ยมาตรฐานและตลาดสินเชื่อทั่วโลกเริ่มที่จะล้ม ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ 500 ปรับตัวลง 21% นับตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าในปีที่ผ่านมาดัชนีพุ่งขึ้น 23% มากที่สุดนับแต่ปี 2546 แล้ว
เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 และมีแผนการที่จะอัดฉีดเงินอีก 600,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจไปจนถึงเดือนมิถุนายน ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการที่รู้กันว่าเป็นการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง
ไมเคิล คักกิโน นักวิเคราะห์ของเพอร์มาเนนต์ พอร์ตโฟลิโอ ฟันด์ ในซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การ ผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสองยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตลาดมองหาสินทรัพย์หนักๆ อย่างเช่นทองคำเข้าไปอีก เพราะอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่แท้จริงหลังจากคำนวณเงินเฟ้อแล้ว ยังคงเป็นลบ และโภคภัณฑ์กำลังจะปรับตัวขึ้นอีกจนกว่าดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลง
ทองคำทำสถิติที่ 1,424.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในตลาดลอนดอนเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน และราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นปีที่สิบติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับแต่ปี พ.ศ. 2463 เป็นอย่างน้อย แต่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ให้ผลตอบแทนประมาณ 9.5% ขณะที่พันธบัตรสหรัฐให้ผลตอบแทนแค่ 7.3%
โลหะมีค่าชนิดอื่นๆ ก็ให้ผลตอบแทนดีขึ้นในปีนี้ ตราสารล่วงหน้าเงิน ปรับตัวขึ้น 61% เมื่อดูจากข้อมูลถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน และจะต้องปรับตัวขึ้นอีก 85% จึงจะเท่ากับสถิติที่เคยทำไว้ที่ 50.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อปี 2523 พาลลาเดียมก็ปรับตัวขึ้น 72% ในตลาดลอนดอน และจะต้องดีดตัวอีก 60% จึงจะเท่ากับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,125 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อปี 2544
แบร์รี่ เจมส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เจมส์ อินเวสเมนต์ รีเสิร์ช กล่าวว่า ข้อ บกพร่องที่สำคัญสุดของทองคำในขณะนี้ คือ มันได้รับความนิยมมาก และทองคำได้กลายเป็นแฟชั่นและมีความบ้าคลั่งเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับการดีด ตัวในขณะนี้
นักลงทุนออปชั่นตราสารล่วงหน้าทองคำในตลาดโคเม็กซ์ กำลังคาดการณ์ว่า ทองคำจะดีดตัวขึ้นต่อไป และออปชั่นที่มีการถือมากที่สุดเป็นอันดับสอง ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือซื้อทองคำที่ 2,000 ดอลลาร์ภายในเดือนพฤศจิกายน 2554
เพนโต กล่าวว่า ทองคำจะพุ่งขึ้นไปถึง 1,800 ดอลลาร์ภายในปลายปีหน้า หลังจากที่ได้คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องเมื่อเดือนกันยายน 2549 ว่า ทองคำจะถึง 1,200 ดอลลาร์ก่อนปลายปี และคาดว่าจะถึง 1,400 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคมปีนี้
อัลลิสัน นาธาน, เจฟฟรี เคอร์รี่ และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ของโกลด์แมน แซคส์ ในลอนดอน นิวยอร์ก และฮ่องกง กำลังคาดการณ์ว่า ทองจะสูงถึง 1,650 ดอลลาร์ใน 12 เดือน และโลหะมีค่าจะให้ผลตอบแทน 30% ในช่วงนั้น ซึ่งมากกว่า พลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร
โรเบิร์ต โซเอลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า เขาไม่ได้ยกทองคำเพราะมีแนวโน้มที่จะกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ แต่มันเป็นเครื่องชี้ว่าขาดความเชื่อมั่นต่อนโยบายในการเติบโต
ส่วนโรนัลด์ สโตเฟอร์เล นักวิเคราะห์ของเอิร์สต์ กรุ๊ป แบงก์ ในเวียนนา คาดว่า ทองจะถึง 1,600 ดอลลาร์ภายในเดือนมิถุนายน เพราะเฟดสามารถพิมพ์และออกธนบัตรได้ แต่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความไว้วางใจให้กับดอลลาร์สหรัฐได้
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2010
การดีดตัวของทองคำถึง 24% ในปีนี้ กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่สามารถยับยั้งจอร์จ โซรอส จอห์น พอลสัน และพอล ทัวรัดจิ ได้ และเมื่อดูจากหนังสือที่แจ้งแก่คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของ สหรัฐในเดือนนี้ บริษัท โซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์, พอลสันแอนด์ โค และทัวรัดจิ แคปิตอล แมเนจเมนต์ ลงทุนในทองคำมากที่สุด
จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก การถืออีทีเอฟทองคำ 2,088 ตัน มีขนาดเท่ากับปริมาณทองคำในเหมืองสหรัฐ 9 ปี และรายงานโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ประบุว่า โลหะมีค่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีหน้า การซื้อทองคำเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังเร่งคว้าสินทรัพย์หนัก เพราะรัฐบาลและธนาคารกลางอัดฉีดเงินมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินโลก
แบล็กร็อค อิงซ์ กล่าวว่า ทองคำที่กองทุนอีทีเอฟถืออยู่ มากกว่าทองคำแท่งที่ทุกประเทศสำรองอย่างเป็นทางการ ยกเว้นสหรัฐ เยอรมนี อิตาลี และฝรั่งเศส
ไมเคิล เพนโต นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส บริษัทยูโร แปซิฟิก แคปิตอล ที่เคยคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าทองจะพุ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา บอกว่า ใคร ที่ขายทองในตอนนี้กำลังทำผิดพลาดอย่างมหันต์ และว่าตลาดกระทิงของทองคำ จะสิ้นสุดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มเป็นบวก แต่ในตอนนี้ยังห่างไกลจากนั้นมาก และยัง เชื่อว่าเฟดจะต้องพิมพ์ธนบัตรเพิ่มอีกเพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ ให้สูงขึ้น และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ทองคำดีดตัวขึ้น 87% นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 เมื่อเฟดลดดอกเบี้ยมาตรฐานและตลาดสินเชื่อทั่วโลกเริ่มที่จะล้ม ดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ 500 ปรับตัวลง 21% นับตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าในปีที่ผ่านมาดัชนีพุ่งขึ้น 23% มากที่สุดนับแต่ปี 2546 แล้ว
เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 และมีแผนการที่จะอัดฉีดเงินอีก 600,000 ล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจไปจนถึงเดือนมิถุนายน ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการที่รู้กันว่าเป็นการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง
ไมเคิล คักกิโน นักวิเคราะห์ของเพอร์มาเนนต์ พอร์ตโฟลิโอ ฟันด์ ในซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การ ผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสองยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตลาดมองหาสินทรัพย์หนักๆ อย่างเช่นทองคำเข้าไปอีก เพราะอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่แท้จริงหลังจากคำนวณเงินเฟ้อแล้ว ยังคงเป็นลบ และโภคภัณฑ์กำลังจะปรับตัวขึ้นอีกจนกว่าดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลง
ทองคำทำสถิติที่ 1,424.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในตลาดลอนดอนเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน และราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นปีที่สิบติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดนับแต่ปี พ.ศ. 2463 เป็นอย่างน้อย แต่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ให้ผลตอบแทนประมาณ 9.5% ขณะที่พันธบัตรสหรัฐให้ผลตอบแทนแค่ 7.3%
โลหะมีค่าชนิดอื่นๆ ก็ให้ผลตอบแทนดีขึ้นในปีนี้ ตราสารล่วงหน้าเงิน ปรับตัวขึ้น 61% เมื่อดูจากข้อมูลถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน และจะต้องปรับตัวขึ้นอีก 85% จึงจะเท่ากับสถิติที่เคยทำไว้ที่ 50.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อปี 2523 พาลลาเดียมก็ปรับตัวขึ้น 72% ในตลาดลอนดอน และจะต้องดีดตัวอีก 60% จึงจะเท่ากับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,125 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อปี 2544
แบร์รี่ เจมส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เจมส์ อินเวสเมนต์ รีเสิร์ช กล่าวว่า ข้อ บกพร่องที่สำคัญสุดของทองคำในขณะนี้ คือ มันได้รับความนิยมมาก และทองคำได้กลายเป็นแฟชั่นและมีความบ้าคลั่งเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับการดีด ตัวในขณะนี้
นักลงทุนออปชั่นตราสารล่วงหน้าทองคำในตลาดโคเม็กซ์ กำลังคาดการณ์ว่า ทองคำจะดีดตัวขึ้นต่อไป และออปชั่นที่มีการถือมากที่สุดเป็นอันดับสอง ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือซื้อทองคำที่ 2,000 ดอลลาร์ภายในเดือนพฤศจิกายน 2554
เพนโต กล่าวว่า ทองคำจะพุ่งขึ้นไปถึง 1,800 ดอลลาร์ภายในปลายปีหน้า หลังจากที่ได้คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องเมื่อเดือนกันยายน 2549 ว่า ทองคำจะถึง 1,200 ดอลลาร์ก่อนปลายปี และคาดว่าจะถึง 1,400 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคมปีนี้
อัลลิสัน นาธาน, เจฟฟรี เคอร์รี่ และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ของโกลด์แมน แซคส์ ในลอนดอน นิวยอร์ก และฮ่องกง กำลังคาดการณ์ว่า ทองจะสูงถึง 1,650 ดอลลาร์ใน 12 เดือน และโลหะมีค่าจะให้ผลตอบแทน 30% ในช่วงนั้น ซึ่งมากกว่า พลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร
โรเบิร์ต โซเอลลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า เขาไม่ได้ยกทองคำเพราะมีแนวโน้มที่จะกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ แต่มันเป็นเครื่องชี้ว่าขาดความเชื่อมั่นต่อนโยบายในการเติบโต
ส่วนโรนัลด์ สโตเฟอร์เล นักวิเคราะห์ของเอิร์สต์ กรุ๊ป แบงก์ ในเวียนนา คาดว่า ทองจะถึง 1,600 ดอลลาร์ภายในเดือนมิถุนายน เพราะเฟดสามารถพิมพ์และออกธนบัตรได้ แต่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความไว้วางใจให้กับดอลลาร์สหรัฐได้
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บทสนทนาที่น่าสนใจใน ซีรี่ย์เรื่อง 24 season 7
แจ็ค บาวเออร์ : ขอบคุณที่อุตส่าห์มา
คุณกอฮา : ผมแปลกใจที่คุณโทรหาผม
แจ็ค บาวเออร์ : ผมกำลังจะตาย
คุณกอฮา : ผมรู้
แจ็ค บาวเออร์ : ผมทำเรื่องผิดพลาดมากมาย และคิดเสมอว่าผมมีเวลาที่จะแก้ไขมัน
คุณกอฮา : คุณยังมีเวลา ตอนนี้ไงล่ะ
แจ็ค บาวเออร์ : คุณไม่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง
คุณกอฮา :
เราอยู่ในยุคสมัยที่ซับซ้อนคุณบาวเออร์ ไม่อาจแยกแยะดีชั่วได้ชัดเจน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดี ผู้ชายที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี่ มีทั้งข้อบกพร่องและก็คุณงามความดี เค้าเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง
ขอให้เราทั้งคู่จงอภัยให้ตัวเองในทุกสิ่งที่เราได้ทำพลาดไป
แจ็ค บาวเออร์ : ขอบคุณ.. ถึงเวลาแล้ว
วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เพลง ทุ่งสานสะเทือน
เพลง ทุ่งสานสะเทือน เป็น เพลงดังปี 2519 เป็นเพลงกล่าวถึงประวัติท้องทุ่งอันเวิ้งว้างที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกทำประโยชน์ ต่อมาเกิดปัญหาพิพาทเรื่องที่ดินถึงขั้นนองเลือด...เพลงนี้"ศรคีรี ศรีประจวบ"ร้องเป็นต้นฉบับไว้แต่ปี 2514-15
****************************************************************
เพลง ทุ่งสานสะเทือน
ขับร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ
คำร้อง-ทำนอง พยงค์ มุกดา
ทุ่งสานสะเทือน สะเทือนสะเทือน
เกลื่อนภัยคุกคาม ทั่วพรหมพิรามพิษณุโลก
ทุ่งสานสีทอง ต้องกลายเป็นแดนแสนวิปโยค
ชุ่มโชกด้วยเลือด และน้ำตานอง
ทุ่งสานก่อนนี้ ก่อนนี้ก่อนนี้
มีเพียงเขาป่า ทุ่งพงพนาฟ้าฝนมิต้อง
ต่อชาวไร่นาพากันทำกิน พลิกดินป็นทอง
ทุ่งสานกลับต้องหลั่งเลือดนองไหล
พม่ารบไทย ครั้งในอดีต
ไทยยอมสละชีวิต คิดปกป้องอธิปไตย
แต่ศึกทุ่งสานนั้นรบกับใคร
พรหมพิรามเปลี่ยนนามเสียใหม่ เป็นพรหมพิราบอาบเลือดน้ำตา
ทุ่งสานสะเทือน สะเทือนสะเทือน
เปื้อนเลือดของใคร ก็เลือดของไทยแสนจะขายหน้า
ทุ่งสานนั้นสามัคคี พลีชีพเพื่อพสุธา
แดนสนธยา ทุ่งสานสะเทือน...
****************************************************************
ชุมชนต่างๆ ที่รายรอบอยู่ ณ ทุ่งสานอาจแบ่งได้ 4 ประเภท ตามลักษณะของการตั้งถิ่นฐาน พวกแรกเป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่มายาวนาน พวกที่ 2 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวที่อพยพเข้ามาเป็นระยะๆ ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พวกที่ 3 เป็นกลุ่มคนอพยพรุ่นใหม่ที่มาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง พวกที่ 4 เป็นชุมชนที่ถูกแบ่งแยกไปขึ้นในเขตการปกครองใหม่ หลังจากการแบ่งวัดโบสถ์ออกไปจากพรหมพิราม
ทุ่งสาน สำหรับชุมชนเหล่านี้ คือทรัพยากรเปิดที่พวกเขาสามารถทำมาหากินได้อย่างอิสระ เป็นพื้นที่ที่พวกเขาผลิตความสัมพันธ์ทั้งทางการผลิตและวัฒนธรรมประเพณี การแย่งชิงทรัพยากรยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากคนน้อยและความเหลือเฟือของทรัพยากร
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ณ ท้องทุ่งแห่งนี้ ประมาณหลัง พ.ศ. 2500 เนื่องจากรัฐมีนโยบายสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ปริมาณน้ำค่อยๆ หายไป ทำให้ทุ่งสานเปลี่ยนสภาพจากพื้นที่ชุ่มน้ำ กลายเป็นผืนดินขนาดใหญ่เหมาะแก่การปลูกข้าว คนจากภายนอกเริ่มอพยพเข้ามาจับจองที่ดิน รวมทั้งซื้อขายจากนายทุนผู้บุกเบิกที่ดิน การแทรกแซงของรัฐและทุน ทำให้อำนาจการจัดการสมบัติสาธารณะชิ้นนี้หลุดไปจากชุมชน เมื่อสมบัติสาธารณะถูกแปรสภาพเป็นสมบัติปัจเจก การต่อสู้แย่งชิงจึงเกิดขึ้น รวมทั้งการเคลื่อนไหวเพื่อพิทักษ์สิทธิของชาวบ้าน
ความขัดแย้งดำเนินไปอย่างรุนแรงเมื่อรัฐปฏิเสธสิทธิของชาวบ้าน และอ้างว่าทุ่งสานเป็นสมบัติของรัฐตามกฎหมาย รัฐจัดตั้งนิคมสร้างตนเองทุ่งสานเพื่อยืนยันสิทธินี้ และจัดสรรที่ดินให้แก่ชาวบ้านผู้สมัครเป็นสมาชิก ชาวบ้านตอบโต้โดยเดินขบวนไปยังศูนย์อำนาจ ณ กรุงเทพฯ เพื่อยืนยันสิทธิการใช้ที่มีมาก่อนการประกาศกฎหมายของรัฐ
การต่อสู้ของชาวบ้านยุติลงประมาณหลัง พ.ศ. 2520 อาจกล่าวได้ว่าชาวบ้านได้ทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ อำนาจในการจัดการทุ่งสานในฐานะเป็นสมบัติสาธารณะหลุดไปจากมือชาวบ้าน ทุ่งสานกลายเป็นสมบัติของปัจเจก แต่ก็อยู่ภายใต้การบริหารของนิคมฯ ซึ่งกลายเป็นสมบัติสาธารณะชิ้นใหม่ของชาวบ้านแต่ยากสำหรับการเข้าถึง
ที่มา
****************************************************************
เพลง ทุ่งสานสะเทือน
ขับร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ
คำร้อง-ทำนอง พยงค์ มุกดา
ทุ่งสานสะเทือน สะเทือนสะเทือน
เกลื่อนภัยคุกคาม ทั่วพรหมพิรามพิษณุโลก
ทุ่งสานสีทอง ต้องกลายเป็นแดนแสนวิปโยค
ชุ่มโชกด้วยเลือด และน้ำตานอง
ทุ่งสานก่อนนี้ ก่อนนี้ก่อนนี้
มีเพียงเขาป่า ทุ่งพงพนาฟ้าฝนมิต้อง
ต่อชาวไร่นาพากันทำกิน พลิกดินป็นทอง
ทุ่งสานกลับต้องหลั่งเลือดนองไหล
พม่ารบไทย ครั้งในอดีต
ไทยยอมสละชีวิต คิดปกป้องอธิปไตย
แต่ศึกทุ่งสานนั้นรบกับใคร
พรหมพิรามเปลี่ยนนามเสียใหม่ เป็นพรหมพิราบอาบเลือดน้ำตา
ทุ่งสานสะเทือน สะเทือนสะเทือน
เปื้อนเลือดของใคร ก็เลือดของไทยแสนจะขายหน้า
ทุ่งสานนั้นสามัคคี พลีชีพเพื่อพสุธา
แดนสนธยา ทุ่งสานสะเทือน...
****************************************************************
ชุมชนต่างๆ ที่รายรอบอยู่ ณ ทุ่งสานอาจแบ่งได้ 4 ประเภท ตามลักษณะของการตั้งถิ่นฐาน พวกแรกเป็นชุมชนดั้งเดิมที่อยู่มายาวนาน พวกที่ 2 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวที่อพยพเข้ามาเป็นระยะๆ ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พวกที่ 3 เป็นกลุ่มคนอพยพรุ่นใหม่ที่มาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง พวกที่ 4 เป็นชุมชนที่ถูกแบ่งแยกไปขึ้นในเขตการปกครองใหม่ หลังจากการแบ่งวัดโบสถ์ออกไปจากพรหมพิราม
ทุ่งสาน สำหรับชุมชนเหล่านี้ คือทรัพยากรเปิดที่พวกเขาสามารถทำมาหากินได้อย่างอิสระ เป็นพื้นที่ที่พวกเขาผลิตความสัมพันธ์ทั้งทางการผลิตและวัฒนธรรมประเพณี การแย่งชิงทรัพยากรยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากคนน้อยและความเหลือเฟือของทรัพยากร
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ณ ท้องทุ่งแห่งนี้ ประมาณหลัง พ.ศ. 2500 เนื่องจากรัฐมีนโยบายสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ปริมาณน้ำค่อยๆ หายไป ทำให้ทุ่งสานเปลี่ยนสภาพจากพื้นที่ชุ่มน้ำ กลายเป็นผืนดินขนาดใหญ่เหมาะแก่การปลูกข้าว คนจากภายนอกเริ่มอพยพเข้ามาจับจองที่ดิน รวมทั้งซื้อขายจากนายทุนผู้บุกเบิกที่ดิน การแทรกแซงของรัฐและทุน ทำให้อำนาจการจัดการสมบัติสาธารณะชิ้นนี้หลุดไปจากชุมชน เมื่อสมบัติสาธารณะถูกแปรสภาพเป็นสมบัติปัจเจก การต่อสู้แย่งชิงจึงเกิดขึ้น รวมทั้งการเคลื่อนไหวเพื่อพิทักษ์สิทธิของชาวบ้าน
ความขัดแย้งดำเนินไปอย่างรุนแรงเมื่อรัฐปฏิเสธสิทธิของชาวบ้าน และอ้างว่าทุ่งสานเป็นสมบัติของรัฐตามกฎหมาย รัฐจัดตั้งนิคมสร้างตนเองทุ่งสานเพื่อยืนยันสิทธินี้ และจัดสรรที่ดินให้แก่ชาวบ้านผู้สมัครเป็นสมาชิก ชาวบ้านตอบโต้โดยเดินขบวนไปยังศูนย์อำนาจ ณ กรุงเทพฯ เพื่อยืนยันสิทธิการใช้ที่มีมาก่อนการประกาศกฎหมายของรัฐ
การต่อสู้ของชาวบ้านยุติลงประมาณหลัง พ.ศ. 2520 อาจกล่าวได้ว่าชาวบ้านได้ทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ อำนาจในการจัดการทุ่งสานในฐานะเป็นสมบัติสาธารณะหลุดไปจากมือชาวบ้าน ทุ่งสานกลายเป็นสมบัติของปัจเจก แต่ก็อยู่ภายใต้การบริหารของนิคมฯ ซึ่งกลายเป็นสมบัติสาธารณะชิ้นใหม่ของชาวบ้านแต่ยากสำหรับการเข้าถึง
ที่มา
ทิศทางทองคำ
ทองคำระบบแดงอยู่หน้าขายแนะนำปิดสถานะนั่งนับกำไรไปก่อน แล้วรอขึ้นรถรอบต่อไป ขา S รอบนี้แนะนำเล่นช่วงสั้นๆพอ
ทิศทางทองคำยังไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนเทรนขาขึ้นได้ ตอนนี้หลุดเทรนลงมาทำให้ระบบแดงแล้วท่านที่ถือ L อยู่แนะนำปิดสถานะตามระบบนั่งนับกำไรไปพรางๆก่อน เพื่อรอสัญญาณซื้อ
รอบต่อไป ท่านใดที่ชอบเล่น S จะเปิดตามลงไปเล่นช่วงสั้นๆ ก็ได้ครับแต่ต้องแม่นเรื่องแนวรับแนวต้านด้วยนะป้องกันการดีดตัวกลับขึ้นมาถ้าราคาลงไม่ผ่าน 1355 รอบนี้น่าจะลงปรับฐานต่อ
จากที่ได้บอกแล้วรอบนี้ว่า ผมมองเป็นแค่การ Rebound เท่านั้นได้เท่าไรก็เอาเท่านั้นเล่นแบบพอเพียงบางท่านก็ขึ้นรถแถวช่วง 1360 ก็คงต้องตัดสินใจเองแล้วนะครับว่าจะถือต่อหรือตัดทิ้งดี
การลงรอบนี้ก็คงต้องเปิดบัญชีย้อนหลังดูกันอีกครั้ง ราคาแนวรับแรกจะอยู่แถว 1325 1315+- ดูตรงจุดนี้ก่อนถ้ารับอยู่ก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วนตัวถ้ามองลึกก็ยังคงเป็นที่ระดับ 1275- 1282 อยู่แต่
ราคายังลงไม่ถึงเอาไว้พูดกันอีกทีช่วงนี้เล่นกันสั้นๆก่อน ทองคำแท่งระบบก็ยังแดง ผมเองเลยยังไม่ได้ขึ้นรถสักทีเพราะต้องรอให้ระบบเขียวก่อน ใครที่ยังคงเล่นทองคำแท่งอยู่จะขายทำกำไร
ตามระบบออกไปก่อนหรือจะรอย่อตัวลงแล้วซื้อเพิ่มอีกทีก็พิจารณาดูดีๆนะ ส่วนผมเองเป็นคนใจเย็นมีราคาไว้ในใจอยู่แล้ว ว่าจะเข้าเก็บเพิ่มไว้อยู่แต่ต้องลงอีกหน่อยซื้อทีละน้อยๆพอรอระบบ
เขียวแล้วค่อยขนเงินเข้าซื้อกันอีกที ดูจากสถานการณ์การแข็งค่าขึ้นมาของเงิน US ตอนนี้ระบบรายสัปดาห์ก็ปิดเขียวแท่งที่สามไปเรียบร้อย ทองคำเราคงรอดยากต้องลงปรับฐานใหญ่กันจริงๆ
แล้วดูสัญญาณรายเดือนก็จะปิดแท่งโดจิซะแล้วงานนี้ราคา 1400 ผมว่าคงไม่ได้เห็นอีกแล้วในปีนี้เพราะการลงปรับฐานแต่ละครั้ง มันกินเวลาไปหนึ่งถึงสองเดือนโดยส่วนใหญ่บวกกับใกล้จะสินปี
อีกด้วยนักลงทุนต่างชาติก็ต้องขายเอากำไรไปเที่ยวบ้านเกิด ถึงแม้จะมีคนเล่นทองทั่วโลกแต่ก็ต้องดูสถานการณ์โดยรวมด้วยไหนจะปัญหาหนี้ไอซ์แลน โปรตุเกส อีกละช่วงนี้ทำให้สกุลเงิน EU
อ่อนตัวลงไปมากระบบรายสัปดาห์ก็แดงแท่งที่สามไปเรียบร้อยรอดยาก น้ำมันระบบแดงวิ่งอยู่ใต้เส้นเทรนไปต่อไม่ได้เหมือนกันแนะนำนั่งนิ่งๆรอไปก่อนอยู่ในช่วงอันตรายเหมือนกัน
ปิดท้ายด้วยSET50 สัญญาณยังวิ่งอยู่ใต้เส้น Moving Averages อยู่ไม่เหมาที่จะเข้าเปิด L นะครับผมแนะนำด้วยใจจริงเพราะระบบรายสัปดาห์แดงท่งที่สามแล้วก็ลองไปตัดสินใจดูครับว่าจะถือ S
หรือ L น่าจะรู้นะครับ ช่วงนี้ปลายปียังไงถือข้าง S เอาไว้น่าจะเข้าทางกว่าถือ L ครับ
แนวต้านวันจันทร์ 1368 1375 1381
แนวรับ 1355 1348 1341
ที่มา : www.thaigold.info
วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
บัตรประชาชนขาดตลาด
บัตรสมาร์ทการ์ดขาดตลาด.! ใช้บัตรเหลืองแทนไปก่อน!
ปัญหาทั้งหมดทั้ง มวล เกิดจากความขัดแย้ง ระหว่าง 2 กระทรวง คือ ICT & มหาดไทย ในเรื่องของ "บัตรสมาร์ทการ์ด" จนทำให้ไม่สามารถผลิตบัตรสมาร์ทการ์ดป้อนสำนักทะเบียนทั่วประเทศได้ทัน เลยต้องออกบัตรชั่วคราว หรือ "บัตรเหลือง" แทนไปก่อน และให้ประชาชนรอบัตรสมาร์ทการ์ดใหม่ต่อไปอีก 4 เดือน
หลาย คนที่มาทำบัตรใหม่ไม่พอใจในรัฐบาล ที่ปล่อยให้ความขัดแย้งของ 2 หน่วยงาน มาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และตำหนิสองหน่วยงานที่ไม่เร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
ส่วน "บัตรเหลือง" เอกสารที่ใช้แทนบัตรประชาชนชั่วคราว เป็นแค่กระดาษแผ่นใหญ่ ขนาด A4 ที่นอกจากจะพกพาไม่สะดวกแล้ว ยังเก็บรักษายากด้วย เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึง ความล้าหลังทางเทคโนโลยีของระบบราชการไทยจริงๆ
ที่มา http://www.udon108.com/board/index.php?topic=35964.0
ความจริงปัญหานี้เกิดมาหลายเดือนแล้วล่ะ แต่อยากตอกย้ำว่าปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไขเลย ไม่แน่ว่า รัฐบาลอาจจะตั้งใจให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างที่แอบแฝงไว้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ
ปัญหาทั้งหมดทั้ง มวล เกิดจากความขัดแย้ง ระหว่าง 2 กระทรวง คือ ICT & มหาดไทย ในเรื่องของ "บัตรสมาร์ทการ์ด" จนทำให้ไม่สามารถผลิตบัตรสมาร์ทการ์ดป้อนสำนักทะเบียนทั่วประเทศได้ทัน เลยต้องออกบัตรชั่วคราว หรือ "บัตรเหลือง" แทนไปก่อน และให้ประชาชนรอบัตรสมาร์ทการ์ดใหม่ต่อไปอีก 4 เดือน
หลาย คนที่มาทำบัตรใหม่ไม่พอใจในรัฐบาล ที่ปล่อยให้ความขัดแย้งของ 2 หน่วยงาน มาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และตำหนิสองหน่วยงานที่ไม่เร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
ส่วน "บัตรเหลือง" เอกสารที่ใช้แทนบัตรประชาชนชั่วคราว เป็นแค่กระดาษแผ่นใหญ่ ขนาด A4 ที่นอกจากจะพกพาไม่สะดวกแล้ว ยังเก็บรักษายากด้วย เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึง ความล้าหลังทางเทคโนโลยีของระบบราชการไทยจริงๆ
ที่มา http://www.udon108.com/board/index.php?topic=35964.0
ความจริงปัญหานี้เกิดมาหลายเดือนแล้วล่ะ แต่อยากตอกย้ำว่าปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไขเลย ไม่แน่ว่า รัฐบาลอาจจะตั้งใจให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างที่แอบแฝงไว้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ
วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เอกชนค้านเก็บภาษีสรรพสามิตมือถือ แนะไปจัดเก็บภาษีบาปที่อยู่ใต้ดินเหมาะกว่า
เอกชนข้องใจ สรรพสามิตเล็งรื้อโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ส่งสัญญาณรัฐบาลถังแตก เร่งหารายได้ตุนเงินใช้ช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง กลุ่มธุรกิจมือถือค้านเก็บภาษีโทรคมนาคม โดนเรียกเก็บสูงแล้ว ชี้ปรับเพิ่มภาระตกกับประชาชนผู้ใช้บริการ กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนุน 100% จัดเก็บตามดีกรี เป็นธรรม
กรณีกรมสรรพสามิตมีนโยบายจะปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ทั้งภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีโทรคมนาคม ปรากฏว่าภาคเอกชนมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยผู้ประกอบการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างสนับสนุนการจัดเก็บภาษีตามดีกรี จากปัจจุบันจัดเก็บสองขาคือตามปริมาณแอลกอฮอล์และดีกรี ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมไม่เห็นด้วย
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเบียร์ไฮเนเก้น, ไทเกอร์ และเชียร์ กล่าวว่า แนวคิดจัดเก็บภาษีตามดีกรี เป็นไปตามทิศทางสากลเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ต่ำลง จากปัจจุบันโครงสร้างภาษีมีความบิดเบี้ยว เก็บภาษีไม่เท่ากัน เอื้อให้กลุ่มรากหญ้าบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงแต่มีราคาถูก
แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะการจัดเก็บภาษีตามดีกรีจะไม่ต้องจัดเซ็กเมนต์เบียร์เป็นอีโคโนมี สแตนดาร์ด และเบียร์ พรีเมียม และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอกอฮอล์เปิดเผยว่า มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีในส่วนของเหล้ากลั่น เท่ากับไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีที่แท้จริง ยังอุ้มเหล้ากลั่นและเป็นการส่งเสริมให้คนไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของดีกรีแอลกอฮอล์สูงต่อไป
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และต้องยอมรับว่าปัจจุบันกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค
"ที่เรียกเก็บกับกิจการโทรคมนาคม เพราะต้องการหาทางออกเมื่อไม่สามารถเก็บเงินเข้ารัฐได้โดยตรง ทางออกที่ถูกต้องสรรพสามิตและรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ใต้ดิน นำขึ้นมาทำให้มันถูกต้องทางกฎหมายจะดีกว่า"นายวิเชียรกล่าว และว่า ปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมได้จ่ายภาษีในอัตราที่ถือว่าสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้จะรอดูความชัดเจนเรื่องดังกล่าวก่อน
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหารือภาคเอกชน นักวิชาการ และประชาชน ก่อนประกาศใช้แผนดังกล่าวจริง เนื่องจากเวลานี้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมกล่าวว่า อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ จึงได้ออกแนวคิดนี้มา เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ขอบคุณ มติชน
กรณีกรมสรรพสามิตมีนโยบายจะปรับโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งระบบ ทั้งภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีโทรคมนาคม ปรากฏว่าภาคเอกชนมีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน โดยผู้ประกอบการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างสนับสนุนการจัดเก็บภาษีตามดีกรี จากปัจจุบันจัดเก็บสองขาคือตามปริมาณแอลกอฮอล์และดีกรี ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมไม่เห็นด้วย
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเบียร์ไฮเนเก้น, ไทเกอร์ และเชียร์ กล่าวว่า แนวคิดจัดเก็บภาษีตามดีกรี เป็นไปตามทิศทางสากลเพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ต่ำลง จากปัจจุบันโครงสร้างภาษีมีความบิดเบี้ยว เก็บภาษีไม่เท่ากัน เอื้อให้กลุ่มรากหญ้าบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูงแต่มีราคาถูก
แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะการจัดเก็บภาษีตามดีกรีจะไม่ต้องจัดเซ็กเมนต์เบียร์เป็นอีโคโนมี สแตนดาร์ด และเบียร์ พรีเมียม และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอกอฮอล์เปิดเผยว่า มีประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีในส่วนของเหล้ากลั่น เท่ากับไม่ได้ปรับโครงสร้างภาษีที่แท้จริง ยังอุ้มเหล้ากลั่นและเป็นการส่งเสริมให้คนไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของดีกรีแอลกอฮอล์สูงต่อไป
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า รัฐควรศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน และต้องยอมรับว่าปัจจุบันกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว การเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ภาระย่อมตกอยู่กับผู้บริโภค
"ที่เรียกเก็บกับกิจการโทรคมนาคม เพราะต้องการหาทางออกเมื่อไม่สามารถเก็บเงินเข้ารัฐได้โดยตรง ทางออกที่ถูกต้องสรรพสามิตและรัฐบาลควรมุ่งจัดเก็บภาษีบาปจากสินค้าที่อยู่ใต้ดิน นำขึ้นมาทำให้มันถูกต้องทางกฎหมายจะดีกว่า"นายวิเชียรกล่าว และว่า ปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมได้จ่ายภาษีในอัตราที่ถือว่าสูงอยู่แล้ว ทั้งนี้จะรอดูความชัดเจนเรื่องดังกล่าวก่อน
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกลยุทธ์และกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหารือภาคเอกชน นักวิชาการ และประชาชน ก่อนประกาศใช้แผนดังกล่าวจริง เนื่องจากเวลานี้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยบอบช้ำอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมกล่าวว่า อดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะถังแตกหรือไม่ จึงได้ออกแนวคิดนี้มา เพื่อเร่งหารายได้รองรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ขอบคุณ มติชน
วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory)
ได้ยินคำนี้หลายครั้ง ทั้งจากหนัง และ ข่าว แต่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายเลยลองหาความหมายดูได้ดังนี้
ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไปมีข้อเท็จจริงประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่ามีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการจะไม่ใช้อ้างอิง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญานก่อนที่จะเชื่อเรื่องนั้นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่จะดูแล และกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ
เดิมพบได้ในคอลัมน์เล็กๆหนังสือพิมพ์ประเภทเทบลอยด์ในต่างประเทศ ปัจจุบันพบได้มากในฟอร์เวิร์ดเมล เว็บไซต์ส่วนบุคคล และบล็อกต่างๆ
ตัวอย่างของทฤษฎีสมคบคิด
ข้อกล่าวหาเรื่องมนุษย์คนแรกเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องลวง
ฮิตเลอร์ และ เอลวิส เพรสลีย์ ยังไม่ตายแต่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักตัวไป
โลกจะแตกในปี... เพราะจะมีกลุ่มอุกาบาตขนาดใหญ่เข้ามาในวงโคจร
ปริศนาการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี้...เป็นต้น
ที่มา : wikipedia
ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) คือ เรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์/ให้โทษต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด หรืออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของทฤษฎีสมคบคิดโดยทั่วไปมีข้อเท็จจริงประกอบอยู่เพียงเล็กน้อย หรือส่วนหนึ่ง เพียงเพื่อเสริมให้เกิดความน่าเชื่อถือว่ามีหลักฐานสนับสนุนที่ดูเหมือนเกี่ยวข้องกันเท่านั้น อาจมีเหตุผลสนับสนุนจากความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อเกี่ยวกับทางศาสนา การเมือง หรือวัฒนธรรมที่แตกต่างไป เรื่องเหล่านี้นักวิชาการจะไม่ใช้อ้างอิง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญานก่อนที่จะเชื่อเรื่องนั้นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานที่จะดูแล และกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ
เดิมพบได้ในคอลัมน์เล็กๆหนังสือพิมพ์ประเภทเทบลอยด์ในต่างประเทศ ปัจจุบันพบได้มากในฟอร์เวิร์ดเมล เว็บไซต์ส่วนบุคคล และบล็อกต่างๆ
ตัวอย่างของทฤษฎีสมคบคิด
ข้อกล่าวหาเรื่องมนุษย์คนแรกเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องลวง
ฮิตเลอร์ และ เอลวิส เพรสลีย์ ยังไม่ตายแต่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักตัวไป
โลกจะแตกในปี... เพราะจะมีกลุ่มอุกาบาตขนาดใหญ่เข้ามาในวงโคจร
ปริศนาการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดี้...เป็นต้น
ที่มา : wikipedia
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)